โดยก่อนหน้านี้ไม่กี่วันในรายการพรีเมียร์ลีก เป็นทางด้านปีศาจแดงที่พึ่งไปฝากรอยแค้นเอาไว้กับเจ้าขุนค้อนด้วยการบุกไปเอาชนะได้แบบสุดดราม่า 2-1 โดยที่เจ้าถิ่นชวดตีเสมอเพราะพลาดจุดโทษในนาทีสุดท้ายการที่มาพบกันอีกครั้งในถ้วยใบนี้จึงเป็นโอกาสที่ดีที่”เวสต์แฮม”จะได้ล้างแค้นและพวกเขาก็ทำมันได้สำเร็จ

      ทางด้านตัวผู้เล่นนั้น ทั้งสองทีมต่างก็ทำการโรเตชั่นด้วยกันทั้งคู่ฝั่งเจ้าบ้าน”โอเล่ กุรนาร์ โซลชา”ส่ง”ทอม ฮีตัน”ลงมาเฝ้าเสาแผงหลังมี”เอริค ไบยี่”จับคู่กับ”วิคตอร์ วินเดอเลิฟ” แดนกลางใช้”ฆวน มาต้า”,”ดอนนี่ ฟาน เดอเบ็ค”และ”เนมานย่า มาติช”ส่วนเกมส์รุกกราบซ้ายเป็น”เจดอน ซานโช่”ฝั่งขวาให้”เจสซี่ ลินการ์ด”ลงมาสู้กับอดีตทีมที่เจ้าตัวเคยมาโชว์ฟอร์มไว้อย่างยอดเยี่ยมในสัญญายืมตัวเมื่อฤดูกาลที่แล้วส่วนผู้มาเยือน”เดวิด มอยส์”ให้”มาร์ค โนเบิล”กัปตันทีมลงลุยตั้งแต่นาทีแรกแต่หน้าเป้าเลือกใช้งาน”จาร์ร็อด โบเว่น”โดยไม่มีชื่อของ”มิคาเอล อันโตนิโอ”ดาวซัลโวประจำทีมแม้กระทั่งในรายชื่อตัวสำรอง

      เริ่มการแข่งขันมานั้นเป็นทีมเยือนที่ฉวยโอกาสยิงประตูขึ้นนำไปก่อน 1-0 ในนาทีที่9 จากฝีเท้าของดาวเตะอาร์เจนติน่า”มานูเอล ลันซินี่” และต่อจากนั้นเจ้าบ้านเปิดเกมรุกลุยแหลกหวังเอาประตูคืนให้ได้ชนิดจบเกมส์สามารถสร้างโอกาสยิงรวมได้ถึง 27 ครั้งแต่ไม่สามารถเปลี่ยนเป็นประตูได้เลยโดยในช่วงท้ายเกมส์นั้น “โอเล่”ส่งทั้ง”บรูโน่ เฟอร์นานส์”กับ”เมสัน กรีนวู้ด”ลงมาเสริมทัพแต่ก็ไม่มีอะไรดีขึ้น หมดเวลาการแข่งขันเป็นทางด้านขุนค้อนที่บุกมาล้างแค้นได้สำเร็จด้วยการเขี่ยปีศาจแดง”แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด”ตกรอบ 3 ฟุตบอล”คาราบาวคัพ”ไปชนิดแพ้คาบ้าน

          และผลการจับสลากประกบคู่รอบต่อไปที่มีขึ้นหลังจบเกมส์นั้นผู้ชนะในนัดนี้”เวสต์แฮม”ยังคงต้องเจอกับงานหนักอย่างต่อเนื่องด้วยการต้องเปิดบ้านต้อนรับแชมป์เก่า 4 สมัยทีมเรือใบสีฟ้า”แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด” ในวันที่ 25 ตุลาคม ก็เรียกว่ายังหนีไม่พ้นทีมจากเมืองแมนเชสเตอร์ และพวกเขาจะสามารถเขี่ยทีมสีฟ้าให้ตกรอบไปเหมือนที่ทำได้กับทีมสีแดงในนัดนี้หรือไม่อีกไม่นานเหล่าแฟนบอลจะรู้คำตอบ